ประวิติของนักปราชญ์ที่สำคัญของโลก โดย นายนวรมณ์ แก่นจันทร์ เลขที่ 6 ปวส.1/36

ประวัติของนักปราชญ์ที่สำคัญของโลก


1.เฮโรโดตัส Herodotus (484-424 ก่อน ค.ส.)
          นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ผู้เขียนประวัติสงครามกรีกและเปอร์เซีย 9 เล่ม ได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาของวิชาประวัติศาสตร์ " เฮโรโดตัสได้เดินทางอย่างกว้างขวางในอียิปต์ เอเซีย ยุโรปตะวันออกและอิตาลี ซึ่งในระหว่างการเดินทางเขาได้รวบรวมข้อมูลต่างๆที่ได้พบเห็นไว้เป็นจำนวนมาก  และได้นำมาใช้ในการพรรณาทางประวัติศาสตร์ได้อย่างยิ่งใหญ่ และเขายังเป็นผู้จัดอันดับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งยังคงป็นหลักฐานที่ใช้อ้างอิงมาจนถึงปัจจุบันนี้  นอกจากนั้นเขายังมีชื่อเสียงว่าเป็นนักภูมิศาสตร์และนักชาติพันธุ์วิทยาด้วย

วาทกรรม " ความโชคร้ายมากที่สุด ของมนุษย์ คือ การเป็นคนฉลาดที่หามิอิทธิพลใดๆไม่ "


ขอบคุณแหล่งที่มา : http://who-in-the-world-piyarith.blogspot.com/2013/11/herodotus-484-424.html





2.โซเครตีส Socartes (470-399 ก่อน ค.ส.)

          สกราตีสเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้มีผลงานการเขียนอะไร แต่ตัวตนและความคิดของเขายังคงอยู่ถึงปัจจุบันผ่านงานเขียนของบุคคลอย่าง อริสโตเติล (Aristotle) เพลโต (Plato) อริสโตฟานเนส (Aristophanes) หรือ ซีโนฟอน (Xenophon) นอกจากนั้นยังมีทั้งนักเขียน นักคิด และนักปราชญ์ที่เก็บเรื่องราวของโสกราตีส

          ตามธรรมเนียมโบราณ โสกราตีสนั้นเป็นลูกของโสโฟรนิกัส (Sophronicus) ผู้เป็นพ่อ และ แฟนาเรต (Phaenarete) ผู้เป็นแม่ โสกราตีสได้แต่งงานกับซานทิปป์ (Xanthippe) และมีลูกชายถึง 3 คน เมื่อเทียบกับสังคมสมัยนั้นซานทิปป์ถึงได้ว่าเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้าย และโสกราตีสเองได้กล่าวว่าเพราะเขาสามารถใช้ชีวิตกับซานทิปป์ได้ เขาใช้ชีวิตกับมนุษย์คนใดก็ได้ เหมือนกับผู้ฝึกม้าที่สามารถทนกับม้าป่าได้ โสกราตีสได้เห็นและร่วมรบในสมรภูมิ และ ตามสิ่งที่เพลโตได้กล่าวว่า โสกราตีสได้รับเหรียญเกียรติยศสำหรับความกล้าหาญในสมรภูมิรบ
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไม่กล่าวอย่างชัดเจนว่าโสกราตีสประกอบอาชีพใด ใน"ซิมโพเซียม" (Symposium) ซีโนฟอนกล่าวว่าโสกราตีสใช้ชีวิตกับการสนทนาปรัชญา โสกราตีสไม่น่าที่จะมีเงินมรดกจากครอบครัวเพราะบิดาของโสกราตีสเป็นเพียงศิลปิน และตามการบรรยายของพลาโต โสกราตีสไม่ได้รับเงินจากลูกศิษย์ อย่างไรก็ตามซีโนฟอนกล่าวใน "ซิมโพเซียม" ว่า โสกราตีสรับเงินจากลูกศิษย์ของเขา และอาริสโตฟานเนสก็เล่าว่าโสกราตีสได้เปิดโรงเรียนของตนเอง ข้อสันนิษฐานอีกอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ โสกราตีสเลี้ยงชีพผ่านเพื่อนที่ร่ำรวยของเขา เช่น เอลซีไบเดส (Alcibiades)



3.อริสโตเติ้ล Aristotel (384-322 ก่อน ค.ส.)

          เป็น นักปรัชญากรีกโบรา เป็นลูกศิษย์ของ เพลโต และเป็นอาจารย์ของ อเล็กซานเดอร์มหาราช เขาและเพลโตได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักปรัชญาที่มีอิทธิพลสูงที่สุดคนหนึ่ง ในโลกตะวันตก ด้วยผลงานเขียนหนังสือเกี่ยวกับ ฟิสิกส์ ตรรกศาสตร์ กวีนิพนธ์ สัตววิทยา การเมือง การปกครองจริยศาสตร์ และชีววิทยา

          นักปรัชญากรีกโบราณ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือแอริสตอเติล เพลโต (อาจารย์ของแอริสตอเติล) และโสกราตีส (ที่แนวคิดของเขานั้นมีอิทธิพลอย่างสูงกับเพลโต) พวกเขาได้เปลี่ยนโฉมหน้าของปรัชญากรีก สมัยก่อนโสกราตีส จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของ ปรัชญาตะวันตก ในลักษณะปัจจุบัน โสกราตีสนั้นไม่ได้เขียนอะไรทิ้งไว้เลย ทั้งนี้เนื่องจากผลของแนวคิดปรากฏในบทสนทนาของเพลโตชื่อ เฟดรัสเราได้ศึกษาแนวคิดของเขาผ่านทางงานเขียนของเพลโตและนักเขียนคนอื่น ๆ ผลงานของเพลโตและแอริสตอเติลเป็นแก่นของ ปรัชญาโบราณ
แอริสตอเติลเป็นหนึ่งในไม่กี่บุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้ศึกษาแทบทุกสาขาวิชาที่มีในช่วงเวลาของเขา ในสาขาวิทยาศาสตร์ แอริสตอเติลได้ศึกษา กายวิภาคศาสตร์ดาราศาสตร์วิทยาเอ็มบริโอภูมิศาสตร์ธรณีวิทยาอุตุนิยมวิทยาฟิสิกส์,และ สัตววิทยา ในด้านปรัชญา แอริสตอเติลเขียนเกี่ยวกับ สุนทรียศาสตร์เศรษฐศาสตร์จริยศาสตร์การปกครองอภิปรัชญาการเมืองจิตวิทยาวาทศิลป์และ เทววิทยา เขายังสนใจเกี่ยวกับ ศึกษาศาสตร์, ประเพณีต่างถิ่น, วรรณกรรม และ กวีนิพนธ์ ผลงานของเขาเมื่อรวบรวมเข้าด้วยกันแล้ว สามารถจัดว่าเป็นสารานุกรมของความรู้สมัยกรีก




4.เพลโต Plato (328-247 ก่อน ค.ส.)

          เป็นนักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก เขาเป็นลูกศิษย์ของโสกราตีส เป็นอาจารย์ของอริสโตเติล เป็นนักเขียน และเป็นผู้ก่อตั้งอาคาเดมีซึ่งเป็นสำนักวิชาในกรุงเอเธนส์

          เพลโตใช้เวลาส่วนใหญ่สอนอยู่ที่อาคาเดมี แต่เขาก็ได้เขียนเกี่ยวกับปัญหาทางปรัชญาไว้เป็นจำนวนมาก โลกปัจจุบันรู้จักเขาผ่านทางงานเขียนที่หลงเหลืออยู่ ที่ถูกนำขึ้นมาแปลและจัดพิมพ์เป็นในช่วงการเคลื่อนไหวด้านมนุษยนิยม งานเขียนของเพลโตนั้นส่วนมากแล้วเป็นบทสนทนา คำคม และจดหมาย ผลงานที่เป็นที่รู้จักของเพลโตนั้นหลงเหลืออยู่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามชุดรวมงานแปลปัจจุบันของเพลโตมักมีบางบทสนทนาที่นักวิชาการจัดว่าน่าสงสัย หรือคิดว่ายังขาดหลักฐานที่จะยอมรับว่าเป็นของแท้ได้
ในบทสนทนาของเพลโลนั้น บ่อยครั้งที่มีโสกราตีสเป็นตัวละครหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความสับสนว่าความเห็นส่วนใดเป็นของโสกราตีส และส่วนใดเป็นของเพลโต

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%95







ศิลปกรรมของกรีก




1.ม้าโทรจัน หรือ ม้าเมืองทรอย "Trojan horse"

      เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย
ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ[1]
ปัจจุบัน ม้าโทรจัน ได้กลายมาเป็นสำนวนในภาษาอังกฤษ และเป็นชื่อของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่เมืองชานักกาเล ประเทศตุรกีซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอยจริงตามประวัติศาสตร์ ทางผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Troy เมื่อปี ค.ศ. 2004 ก็ได้มอบม้าไม้ตัวที่ใช้ในเรื่องให้แก่เมือง ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองด้วย



2.รูปปั้นอะธีนา "Athena"
เป็นเทพเจ้าพรหมจรรย์แห่งปัญญา ความกล้า แรงบันดาลใจ อารยธรรม กฎหมายและความยุติธรรม การสงครามโดยชอบ คณิตศาสตร์ ความแข็งแกร่ง ยุทธศาสตร์ ศิลปะ งานฝีมือและทักษะ ภาคโรมัน คือ มิเนอร์วา
มีการพรรณนาอะธีนาว่าทรงเป็นพระสหายร่วมทางผู้เฉลียวฉลาดของวีรบุรุษและเทพเจ้าอุปถัมภ์การผจญภัยของวีรบุรุษ พระนางทรงเป็นเทพเจ้าพรหมจรรย์ผู้อุปถัมภ์กรุงเอเธนส์ ชาวเอเธนส์ตั้งวิหารพาร์เธนอนบนอะโครโพลิสในกรุงเอเธนส์ (อะธีนาพาร์ธีนอส) เพื่อถวายเกียรติแด่พระนาง





3.งานปติมากรรมนูนต่ำ  "Parthenon"

          งานประติมากรรมนูนต่ำ สลักบนหินอ่อน ใช้ประดับวิหาร Parthenon ในกรุงเอเธนส์นี้ เป็นงานของประติมากร Phidias จะเห็นว่าเขาเน้นความเป็นธรรมชาติเน้นจีบของผ้ามากและเน้นความรู้สึกที่แสดงออกมาทางใบหน้า ในภาพเป็นเทพเจ้า3 องค์ของกรีก คือ จากซ้ายไปขวา Poseidon, Apollon และ Artemis ทำขึ้นราว440 ปีก่อนค.ศ. ดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ Acropole
เมืองเอเธนส์ ประเทศกรีก

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/greekhistory62/silpa-krik




4.รูปเทพเจ้า Zeus อุ้ม Ganymedes

         ราว 470 ปีก่อนค.ศ. แสดงให้เห็นถึงความนิยม ในงานประติมากรรมด้วยดินเผาระบายสีด้วยเช่นกัน ส่วนประติมากรไม่ระบุชื่อไว้ดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ Olympia ประเทศกรีก

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/greekhistory62/silpa-krik





5.วิหารพาร์เธนอน

          วิหารพาร์เธนอนบนภูเขาเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงอย่างมาก ในขณะเดียวกันสถาปัตยกรรมก็แสนจะเรียบง่าย วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่าง 438 - 447 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่บนภูเขา Acropolis ในกรุงเอเธนส์ รูปแบบการสร้างวิหารพาร์ทีนอนนี้เรียกว่า octostyle peripteral เพราะมันมีทั้งหมด 8 เสา อยู่บริเวณด้านหน้าและด้านหลัง และยังถูกล้อมรอบด้วยแนวเสาระเบียง หรือที่เรียกกันว่า peristyle ภายใน มีการก่อสร้างในลักษณะเช่นเดียวกับโบสถ์ส่วนใหญ่ ส่วนของห้องโถงกลาง หรือ cella มีรูปปั้นเทพีอะเธเน (เทพีแห่งปัญญาและศิลปวิทยาของกรีก) สร้างขึ้นมาจากทองและงาช้าง นอกจากนี้ยังมีระเบียงอยู่ทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตกทั้งสองด้าน ทางด้านหลังของวัดเป็นห้องโถง เรียกว่า พาร์ทีนอน ซึ่งเป็นสถานที่จัดไว้เพื่อพิธีการบวงสรวง บูชา-ยัญ พิธีกรรมและความเชื่อต่างๆเหล่านี้มีเกิดขึ้นเป็นธรรมดาในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ในสมัยนั้น 






**Blogger นี้ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น**









          





      

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม